วิธีลดค่าเบี้ยประกันภัยรถยนต์ เป็นการลดค่าใช้จ่ายในการทำประกันภัยให้กับเราได้เยอะเลยทีเดียว โดยแต่ละเทคนิคที่นำมาแนะนำในวันนี้สามารถทำได้ด้วยตนเอง ไม่ต้องพึ่งบริษัทประกันภัย ด้วยวิธีที่แสนง่ายจนหลายคนคาดไม่ถึง แม้จะเป็นเรื่องใกล้ตัวแต่ก็ถูกมองข้ามกัน เรามาดูกันว่าเทคนิคไหนบ้างที่เรายังไม่รู้…?
เปรียบเทียบราคาก่อนซื้อประกันภัยรถยนต์
ระบุชื่อผู้ขับขี่
ส่วนลดผู้ขับขี่ประวัติดี
กำหนดค่าเสียหายส่วนแรก
ติดกล้องหน้ารถยนต์
เปรียบเทียบราคาก่อนซื้อประกันภัยรถยนต์
แน่นอนว่าราคาค่าเบี้ยประกันภัยของแต่ละบริษัทประกันภัยรถยนต์ไม่เท่ากัน แม้ความคุ้มครองจะเหมือนกันทุกประการ อาจเป็นเพราะความน่าเชื่อถือ หรือบริษัทที่ได้รับความนิยมจะมีราคาสูงกว่าเสมอ การเปรียบเทียบราคาควรเปรียบเทียบอย่างน้อย 2-3 บริษัท โดยสามารถเปรียบเทียบได้จากเว็บไซต์ของเรา ระบบจะนำข้อมูลไปเช็คว่าที่ไหนถูกที่สุดแล้วจะแสดงให้เห็นทันที ซึ่งสามารถเลือกทำได้ทันทีเลยด้วย สะดวกสุดๆเลย
ระบุชื่อผู้ขับขี่
การระบุชื่อผู้ขับขี่เพื่อลดค่าเบี้ยประกันภัย เหมาะสำหรับรถยนต์ที่มีผู้ขับขี่ไม่เกิน 2 คน โดยการระบุชื่อและอายุของผู้ขับขี่ เป็นวิธีลดค่าเบี้ยประกันภัยที่สามารถลดค่าเบี้ยได้สูงสุดถึง 20% เลยทีเดียว โดยช่วงอายุผู้ขับขี่ที่จะนำมาลดค่าเบี้ยประกันภัย สามารถแยกออกเป็นช่วงอายุดังนี้
อายุ 50 ปีขึ้นไป ได้รับส่วนลด 20%
อายุ 36-50 ปีได้รับส่วนลด 15%
อายุ 25-35 ปีได้รับส่วนลด 10%
อายุ 18-24 ปีได้รับส่วนลด 5%
* วิธีระบุชื่อผู้ขับขี่ ไม่เหมาะกับรถยนต์ที่มีผู้ขับขี่มากกว่า 2 คนขึ้นไปเพราะถ้าบุคคลที่ 3 นำรถไปเกิดเหตุจะไม่อยู่ในความคุ้มครอง จะถูกเรียกเก็บค่าเสียหายส่วนแรก ซึ่งมองว่ายังไงก็ไม่คุ้มถ้าจะทำวิธีนี้
3. ส่วนลดผู้ขับขี่ประวัติดี
ส่วนลดผู้ขับขี่ประวัติดี (No Claim Bonus) คือ ข้อบังคับของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ระบุว่าผู้เอาประกันที่ไม่มีประวัติการเคลม หรือไม่มีอุบัติเหตุตลอดทั้งปีที่ผ่านมา หรือถ้ามีจะต้องไม่เป็นฝ่ายผิด มีสิทธิ์ได้รับส่วนลดค่าเบี้ยประกันภัยจากบริษัทประกันภัยสูงสุด 50% ในปีถัดไป โดยสามารถแยกเป็นประเภทดังนี้
ประวัติดีปีที่ 1 รับส่วนลด 20% สำหรับเบี้ยประกันภัยปีถัดไป
ประวัติดี 2 ปีติดกัน รับส่วนลด 30% สำหรับเบี้ยประกันภัยปีถัดไป
ประวัติดี 3 ปีติดกัน รับส่วนลด 40% สำหรับเบี้ยประกันภัยปีถัดไป
ประวัติดี 4 ปีขึ้นไป รับส่วนลด 50% สำหรับเบี้ยประกันภัยปีถัดไป (จนกว่าจะมีการเคลมและเป็นฝ่ายผิด)
4. กำหนดค่าเสียหายส่วนแรก
การกำหนดค่าเสียหายส่วนแรก (Deductible) คือ ค่าใช้จ่ายส่วนแรกที่เรากำหนดว่าจะจ่ายเองเมื่อมีการเคลมเกิดขึ้น โดยทาง คปภ. จำกัดไว้ไม่เกิน 5,000 บาท ส่วนที่เกินบริษัทประกันภัยจะต้องเข้ามาช่วยรับผิดชอบ ยกตัวอย่างเช่น เราทำประกันภัยรถยนต์ชั้น1 เบี้ยประกันภัย 20,000 บาท เราระบุค่าเสียหายส่วนแรกไป 5,000 บาทเต็มอัตรา ค่าเบี้ยประกันภัยจะลดลงมาเหลือประมาณ 14,000 – 16,000 บาท
* หากใครใช้วิธีนี้แนะนำว่าถ้ามีการซ่อมรถยนต์คันที่เอาประกันภัย และมีค่าใช้จ่ายไม่ถึง 5,000 บาท ให้ชำระเองกับอู่ซ่อมเลย เพราะถ้าเราแจ้งเคลมจะต้องเสียค่าเสียหายส่วนแรกให้กับบริษัทถึง 5,000 เต็มจำนวนเลยทีเดียว
5. ติดกล้องหน้ารถยนต์
เพื่อนๆรู้หรือไม่ว่าการติดตั้งกล้องหน้ารถยนต์เพื่อบันทึกเหตุการณ์จะสามารถลดค่าเบี้ยประกันภัยได้สูงสุด 10% เนื่องจากทาง คปภ. เล็งเห็นถึงความสำคัญในการติดตั้งกล้องหน้ารถยนต์เพื่อเป็นพยานสำคัญในการบันทึกว่าฝ่ายใดผิดฝ่ายใดถูก โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม 2560 ซึ่งสามารถนำภาพถ่ายการติดตั้งกล้องหน้ารถยนต์มาขอลดค่าเบี้ยประกันภัยย้อนหลังกับบริษัทประกันภัยได้อีกด้วย สำหรับเทคนิคเล็กๆน้อยๆเกี่ยวกับ วิธีลดค่าเบี้ยประกันภัย เพื่อนๆสะดวกแบบไหนก็หยิบมาใช้ได้เลย ซึ่งส่วนตัวมองว่าสามารถลดค่าใช้จ่ายและประหยัดเงินในกระเป่าของเราไม่น้อยเลยทีเดียว อย่าลืมว่าก่อนทำประกันภัยกับบริษัทประกันภัยแห่งใดก็แล้วแต่ควรศึกษารูปแบบบริการให้ดีๆก่อน เพื่อป้องกันการถูกโกงนั่นเอง